พระอัจฉริยภาพและพระราชดำรัส
พระอัจฉริยภาพและพระราชดำรัส ของ ร.9
บทความ: พระอัจฉริยภาพและพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถและทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและทันสมัย ซึ่งสะท้อนผ่านพระราชดำรัสที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ
ในพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2539 “…เมื่อก่อนนี้ ด้านการศึกษาคนในเมืองไทยนี่ มีความรู้ การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือเป็น มีมาก เปรียบเทียบกับประเทศอื่นค่อนข้างจะสูงคือมีการอ่านเขียนได้เปอร์เซ็นต์สูง แต่มาปัจจุบันนี้น้อยลง เพราะว่าคนเพิ่ม โรงเรียน หรือผู้ที่มีหน้าที่สอนน้อยลง เปรียบเทียบกัน อาจจะแย้งว่าสมัยนี้มีเทคโนโลยีสูง ทำให้สามารถที่จะทำกิจการโรงเรียน กิจการสั่งสอนแพร่ออกไปได้มากกว่า แต่ไม่มีอะไรแทนการอบรม ไม่มีอะไรแทนการบ่มนิสัย คือการสอนนี่มีแบ่งเป็นอบรม แล้วก็บ่มนิสัย แต่ถ้าไม่มีผู้ที่อบรม ไม่มีผู้ที่บ่มนิสัย หรือผู้ที่อบรมหรือผู้ที่บ่มนิสัย เป็นคนที่คุณภาพต่ำ ผู้ที่ได้รับอบรมบ่มนิสัยย่อมคุณภาพต่ำเหมือนกัน อาจจะยิ่งร้ายกว่า แม้จะมีเทคโนโลยีชั้นสูง…” พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาและการพัฒนามนุษย์ในยุคเทคโนโลยี โดยทรงชี้ให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ไม่สามารถทดแทนการอบรมบ่มนิสัยโดยมนุษย์ได้
ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติที่สำคัญจากพระราชดำรัสนี้ ได้แก่:
การใช้เทคโนโลยีอย่างมีวิจารณญาณ: พระองค์ทรงเตือนว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่ไม่มีชีวิตจิตใจ การใช้งานจึงต้องระมัดระวังและไม่ยึดติดจนเกินไป
ความสำคัญของการสอนแบบตัวต่อตัว: แม้เทคโนโลยีจะช่วยให้การสอนทำได้ในวงกว้าง แต่การถ่ายทอดคุณธรรมและการบ่มเพาะนิสัยที่ดียังคงต้องอาศัยการสอนแบบตัวต่อตัว
การพัฒนาคุณภาพของผู้สอน: พระองค์ทรงเน้นว่าคุณภาพของผู้สอนมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของผู้เรียน การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและมนุษยธรรม: แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ต้องไม่ละเลยการพัฒนาด้านจิตใจและคุณธรรม
การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา: พระองค์ทรงแนะนำให้มีการพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสม เพื่อ “ทำให้คนเป็นคน” อย่างแท้จริง
การตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคม: พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเสมอไป จึงต้องมีการวางแผนและเตรียมพร้อมรับมือ
ผ่านไป 30 ปีพระราชดำรัสนี้ก็ยังคงทันยุคทันสมัย แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในการมองเห็นความท้าทายของสังคมในยุคเทคโนโลยี และทรงเสนอแนวทางในการรักษาสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางวัตถุกับการพัฒนาจิตใจและคุณธรรมของมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นแนวทางที่มีคุณค่าและทันสมัยสำหรับสังคมไทยในปัจจุบัน
พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทอันทรงคุณค่าไว้มากมาย เป็นดั่งขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ประชาชนชาวไทยสามารถน้อมนำมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เพื่อเทิดพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน เราได้คัดสรรพระบรมราโชวาทอันทรงคุณค่า นำมาประดับไว้บนปฏิทินชุดพิเศษ “มหาราชภูมินทร์ แสงสว่างนำทาง คำสอนจากพ่อ” สำหรับปี 2568 โดยแต่ละเดือนจะมีพระบรมราโชวาทที่เลือกสรรมาอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางให้ประชาชนชาวไทยได้ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทตลอดทั้งปี